โมเสสและอาโรนเข้าเฝ้าฟาโรห์
อพยพ 4:29 - 7:13
โมเสสและอาโรนก็ได้เดินทางมาถึงอียิปต์ พวกเขาได้รวบรวมพวกผู้นำ ผู้อาวุโส ของชาวฮีบรู หรือชาวอิสราเอล เพื่อบอกข่าวให้กับพวกเขาว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสในอียิปห์ และพระองค์จะทรงนำพวกเขาไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญา แล้วโมเสสกับอาโรนก็ไปหาฟาโรห์ และทูลพระองค์ว่า 'พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า "จงปล่อยให้ประชากรของเราไปนมัสการเราในถิ่นทุรกันดาร"' เป็นระยะทางสามวัน เพื่อจะได้ถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกข้าพระบาท ถ้าไม่ทำอย่างนั้น พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกข้าพระบาทด้วยโรคระบาดหรือด้วยดาบฟาโรห์ตรัสว่า 'ใครคือพระเจ้าที่เราควรจะเชื่อฟังพระองค์หรือ ' 'เราไม่รู้จักพระเจ้า พระเจ้านั้นเป็นใครเล่า และเราจะไม่ปล่อยคนอิสราเอลไปเป็นอันขาด' เจ้าทั้งสองทำให้พวกเขาต้องหยุดงานเสียอย่างนั้นหรือในวันนั้นเองฟาโรห์ได้ออกคำสั่งให้นายทาสและนายงานของประชาชนว่า “ตั้งแต่วันนี้ไป อย่าให้ฟางแก่พวกทาสสำหรับใช้ทำอิฐเหมือนแต่ก่อน แต่ให้พวกเขาไปเที่ยวหาฟางเอาเอง ส่วนจำนวนอิฐซึ่งแต่ก่อนทำเท่าไร ก็ให้ทำได้เท่านั้นจากคำสั่งของฟาโรห์นี้เองทำให้ชนชาติอิสราเอลหรือชาวฮีบรูต้องทำงานหนักจนพวกเขาเริ่มที่จะหมดแรงในการที่จะหาฟางมาทำอิฐ และเมื่อพวกเขาไม่สามารถทำอิฐได้ตามโควตาที่ได้กำหนด พวกเขาก็ทุบตี
พวกผู้นำชนชาติอิสราเอลก็กลับมาบ่นให้กับโมเสสและอาโรน ขอพระเจ้าทรงพิจารณา และพิพากษาท่านทั้งสอง เพราะพวกท่านทำให้เราเป็นที่เกลียดชังในสายพระเนตรของฟาโรห์ และในสายตาของข้าราชการของพระองค์ เหมือนหนึ่งเอาดาบใส่มือพวกเขาให้ฆ่าเราเสียโมเสสจึงกลับไปทูลพระยาห์เวห์ว่า 'ทำไมพระองค์ถึงสร้างปัญหาให้กับคนเหล่านี้? ข้าพระองค์ทูลต่อฟาโรห์ในนามของพระองค์ แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ได้ช่วยพวกเขาเลย' พระเจ้าตรัสกับโมเสสวว่า ด้วยพระหัตถ์อันเข้มแข็งของเรา ฟาโรห์จำต้องปล่อยประชาชนของเราไป เราทำพันธสัญญาไว้กับเขาทั้งหลายแล้วว่า เราจะยกแผ่นดินคานาอันให้พวกเขา อันเป็นแผ่นดินที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ในฐานะคนต่างด้าว ยิ่งกว่านั้น เราได้ยินเสียงคร่ำครวญของชนชาติอิสราเอลซึ่งคนอียิปต์กักไว้เป็นทาส และเราระลึกถึงพันธสัญญาของเราโมเสสจึงได้นำพระดำรัสของพระเข้า ไปบอกให้ดับผู้นำชาวอิสราเอล แต่พวกเขารู้สึกท้อแท้เกินกว่าจะรับฟังคำกล่าวของท่าน พระเจ้าบอกโมเสสและอาโรนให้ไปหาฟาโรห์อีกครั้ง 'และพูดว่า จงปล่อยชนชาติอิสราเอลไปจากแผ่นดินของเขา” แต่โมเสสทูลพระเจ้าว่า “แม้แต่ชนชาติอิสราเอลก็ไม่ได้ฟังข้าพระองค์ แล้วฟาโรห์จะฟังข้าพระองค์ได้อย่างไรได้ ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่เก่ง”ถ้าพวกฮีบรูไม่ฟังฉัน ทำไมฟาโรห์ต้อง?' โมเสสตอบ 'โดยเฉพาะฉันพูดไม่ค่อยเก่ง' พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า เราได้ตั้งเจ้าไว้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้เผยพระวจนะของเจ้า เจ้าจงบอกข้อความทั้งหมดที่เราสั่งเจ้า แล้วอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกฟาโรห์ให้ปล่อยชนชาติอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา เราจะทำให้ใจของฟาโรห์แข็ง เพื่อเราจะทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ให้ทวีมากขึ้นในแผ่นดินอียิปต์ ฟาโรห์จะไม่ฟังพวกเจ้า แล้วเราจะวางมือของเราบนอียิปต์ และจะพาไพร่พลของเราคือชนชาติอิสราเอลประชากรของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยการพิพากษาอันใหญ่หลวง คนอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเจ้า โมเสสและอาโรนก็ได้ทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา เขาทั้งสองก็ไปทูลฟาโรห์ ในเวลานั้น โมเสสมีอายุ 80 ปี และอาโรนมีอายุ 83 ปี เสสกับอาโรนจึงไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ และทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา ฟาโรห์ได้เรียกร้องให้โมเสสและอาโรนทำการอัศจรรย์เพื่อพิสูจน์ตัวเอง อาโรนก็โยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์ และไม้เท้านั้นกลายเป็นงู ฟาโรห์ทรงเรียกนักปราชญ์และนักเวทย์มนตร์ของพระองค์มา พวกเขาก็โยนไม้ ทันใดนั้นไม้เท้าเขาเหล่านั้นก็กลายเป็นงู ด้วยเวทมนตร์และศิลปะอันลี้ลับของพวกเขาแต่งูของอาโรนก็ได้กลืนงูของพวกเขาเหล่านั้นเสีย
ถึงแม้จะเห็นฟาโรห์ จะเห็นการอัศจรรย์ แต่ฟาโรห์ก็ยังปฏิเสธที่จะปล่อยให้ทาสชาวอิสราเอลจริงดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์โดยนำภัยพิบัติมาสู่ชาวอียิปห์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น