ภัยพิบัติ10ประการสมัยโมเสส EP1



ภัยพิบัติ 10 ประการตอนที่ 1

อพยพ บทที่7 ถึง บทที่ 9

พระเจ้าบอกโมเสส  และอาโรนให้ลงไปที่แม่น้ำไนล์และเข้าเฝ้าฟาโรห์ในเวลาเช้าพวกเขามีข้อความจากพระเจ้าที่จะส่งไปยังฟาโรห์ว่า‘ปล่อยให้ประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้ไปนมัสการเราในถิ่นทุรกันดาร’ แต่จนบัดนี้เจ้าก็ยังไม่เชื่อฟัง” พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระเจ้า  ข้าพระบาทจะเอาไม้เท้าในมือของข้าพระบาทฟาดน้ำในแม่น้ำไนล์ น้ำนั้นจะกลายเป็นเลือด ปลาในแม่น้ำนั้นจะตาย และแม่น้ำจะเหม็น จนคนอียิปต์ดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์ไม่ได้’ ” ดังนั้น

อาโรนจึงทำตามที่พระเจ้าสั่งท่านได้ยกไม้เท้าขึ้นตีน้ำในแม่น้ำไนล์เฉพาะพระพักตร์ฟาโรห์

และต่อหน้าพวกข้าราชการ แล้วน้ำในแม่น้ำไนล์ก็กลายเป็นเลือดจนหมดปลาในแม่น้ำไนล์ก็ตาย

 แม่น้ำไนล์ก็เหม็น และคนอียิปต์ก็ดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์นั้นไม่ได้มีเลือดทั่วแผ่นดินอียิปต์

แต่พวกที่ใช้เวทมนตร์คาถาแห่งอียิปต์ก็ทำได้เหมือนกัน ด้วยศิลปะอันลึกลับของเขา แต่ถึงอย่างไร

ฟาโรห์ก็ปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระเจ้า และพระองค์ก็เสด็จกลับไปยังวังของพระองค์

เจ็ดวันผ่านไปนับตั้งแต่พระเจ้า ทรงบันดาลให้แม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

“จงไปหาฟาโรห์บอกว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้“จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสสะการเรา 

ถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยไป  เราจะให้ฝูงกบลงโทษทั่วเขตแดนของเจ้า  ฝูงกบจะเต็มทั้งแม่น้ำไนล์

 แล้วพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า“จงบอกอาโรนให้เหยียดมือที่ถือไม้เท้าออกเหนือแม่น้ำ

 ลำคลอง หนอง บึงให้ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์”  อาโรนก็เหยียดมือออกเหนือพื้นน้ำต่างๆ ของอียิปต์ กบก็ขึ้นมาเต็มแผ่นดินอียิปต์  ฝ่ายพวกที่ใช้เวทมนตร์คาถาของฟาโรห์

ก็ทำได้เหมือนกัน ด้วยศิลปะอันลึกลับของพวกเขา ทำให้มีฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์

มีกบอยู่ทุกหนทุกแห่ง

และฟาโรห์ก็เรียกโมเสสและอาโรนมา  เจ้าทั้งสองจงอธิษฐานต่อพระเจ้าของเจ้าให้เอากบเหล่านนี้ออกไปจากประชากรของเรา แล้วเราจะปล่อยประชากร อิสราเอล'ไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า”

แล้วโมเสสก็ได้อธิษฐานต่อพระเจ้าและพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของโมเสส  กบเหล่านั้นก็ตายในบ้าน สนามหญ้า และทุ่งนา  กบที่ตายแล้วถูกกองเป็นกองกองและมีกลิ่นเหม็นทั่วแผ่นดิน

 อย่างไรก็ตาม ฟาโรห์ก็ผิดสัญญา และปฏิเสธที่จะปล่อยให้คนอิสราเอลไปนมัสการพระเจ้า

ในถิ่นทุรกันดาร  พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงบอกอาโรนว่า ‘จงยื่นไม้เท้าตีผงคลีดินให้กลายเป็นตัวริ้นทั่วแผ่นดินอียิปต์’ ท่านทั้งสองก็ทำตาม อาโรนเหยียดมือออกยกไม้เท้าตีผงคลีดิน

ทันใดนั้น ก็มีริ้นมาตอมมนุษย์และสัตว์ ผงคลีดินทั้งหมดกลายเป็นริ้นทั่วแผ่นดินอียิปต์

 ส่วนพวกที่ใช้เวทมนตร์คาถาก็พยายามใช้ศิลปะอันลึกลับของพวกเขา เพื่อทำให้เกิดริ้น

 แต่ก็ทำไม่ได้ พวกที่ใช้เวทมนตร์คาถาจึงทูลฟาโรห์ว่า“นี่เป็นกิจการของพระเจ้า

แต่ถึงอย่างไร ฟาโรห์ก็ยังมีพระทัยแข็งกระด้าง

ไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไปนมัสสะการพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร 

จริงดังที่พระเจ้าทรงตรัสไว้พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลุกขึ้นแต่เช้าแล้วไปคอยเข้าเฝ้าฟาโรห์

ฟาโรห์กำลังมายังแม่น้ำ แล้วเจ้าจงบอกเขาว่า‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า

 “จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา  เพราะถ้าไม่ปล่อยประชากรของเราไป

 เราจะใช้ฝูงเหลือบมาตอมเจ้าแล้วพระเจ้าก็ทรงทำดังนั้น เหลือบฝูงใหญ่มากเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์ ในบ้านเรือนข้าราชการ และทั่วแผ่นดินอียิปต์ แผ่นดินก็เสียหายย่อยยับเพราะฝูงเหลือบนั้น แต่ตรงกันข้าม ฝูงเหลือบกลับอยู่ห่างไกลจากทาสชาวฮีบรูหรือชนชาติอิสราเอล

ฟาโรห์จึงตรัสว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อถวายสัตวบูชาแดjพระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร

 เพียงแต่อย่าไปไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย” โมเสสจึงทูลว่า “เมื่อข้าพระบาททูลลา  ฝ่าพระบาทไป ข้าพระบาทจะอธิษฐานทูลพระเจ้า ขอให้ฝูงเหลือบไปจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองในเวลาพรุ่งนี้ แต่ขออย่าทรงกลับคำอีก โมเสสก็อธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงทำตามคำกราบทูลของโมเสส ทรงให้ฝูงเหลือบไปจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองของเขา

ไม่เหลืออยู่สักตัวเดียว  แต่ถึงอย่างไร ฟาโรห์ก็กลับยังมีพระทัยแข็งกระด้างอีกในคราวนี้

 พระองค์ไม่ทรงปล่อยประชากรอิสราเอลไป โมเสสก็ได้ไปเฝ้าฟาโรห์อีกครั้ง

  “หากฟาโรห์ปฏิเสธที่จะไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไป พรุ่งนี้พระเจ้าจะทรงนำภัยพิบัติมาสู่

ม้า ลา อูฐ วัวควาย และแพะของพวกท่าน แต่ปศุสัตว์ของคนอิสราเอลจะรอดพ้นจากสิ่งเหล่านี้’

วันรุ่งขึ้นฝูงปศุสัตว์ของชาวอียิปต์ตายหมด  ฟาโรห์ทรงใช้คนให้ไปตรวจสอบดู

กลับพบว่าสัตว์ที่เป็นของทาสชาวฮีบรูหรือชาวอิสราเอลยังมีชีวิตอยู่ ไม่ตายสักตัว แต่ถึงอย่างไร

ฟาโรห์ก็ยังปฏิเสธที่จะให้ประชากรของพระเจ้าไปนมัสการพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร 

 ต่อมา โมเสสนำเขม่าจากเตาไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ฟาโรห์ พอโมเสสซัดเขม่าขึ้นไปในท้องฟ้า

 เขม่านั้นก็ทำให้เกิดฝีพุพองแตกลามไปทั้งตัวคนและสัตว์ส่วนพวกที่ใช้เวทมนตร์คาถาของฟาโรห์

ไม่อาจต้านทานโมเสสได้เพราะฝีที่ลามมาถึงตัวเขาและชาวอียิปต์ทั้งหมด  แต่ฟาโรห์ยังไม่ยอมปล่อยประชากรของพระเจ้าไป   พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสสให้ออกไปบอกฟาโรห์ว่า

พระองค์จะทรงบันดาลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆขึ้นโดยส่งพายุลูกเห็บที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่อียิปต์เคยมีมา

 ใครก็ตามที่ไม่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน จะโดนลูกเห็บจนถึงแก่ความตาย บรรดาข้าราชการของฟาโรห์ที่เกรงกลัวพระดำรัสของพระเจ้า ก็ให้ทาสและฝูงปศุสัตว์ของตนหลบเข้าไปในบ้าน

 แต่ผู้ที่ไม่สนใจพระดำรัสของพระเจ้าก็ปล่อยให้ทาสและฝูงปศุสัตว์ของตนอยู่ในทุ่งนา

 เมื่อโมเสสชูมือขึ้น ก็มีลูกเห็บ และไฟตกบนแผ่นดิน พระเจ้าทรงให้ลูกเห็บนั้นตกบนแผ่นดินอียิปต์

ตกหนักมากทั่วแผ่นดินอียิปต์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  ลูกเห็บได้ทำลายทุกอย่างที่อยู่ในทุ่งนา

ทั่วแผ่นดินอียิปต์ทั้งคนและสัตว์ ลูกเห็บได้ทำลายผักหญ้าทุกอย่างในทุ่งนาและหักโค่นต้นไม้ทุกต้นในทุ่งนา  เว้นแต่แผ่นดินโกเชนซึ่งชนชาติอิสราเอลอยู่นั้น

 ไม่มีลูกเห็บตกเลย  'ฟาโรห์จึงทรงใช้คนไปเรียกโมเสสและอาโรนมาเข้าเฝ้า

 แล้วตรัสว่า “ครั้งนี้เราทำบาป พระเจ้าเป็นฝ่ายถูก เรากับพลเมืองของเราผิด

  ขอท่านทูลวิงวอนพระเจ้าของท่านให้ยุติเสียงฟ้าร้องและลูกเห็บเสียทีแล้วเราจะปล่อยพวกเจ้าไป

จะไม่กักไว้อีกโมเสสออกไปจากเมืองและก็ยกมือขึ้นกราบทูลพระเจ้า  เสียงฟ้าร้องกับลูกเห็บนั้นก็หยุด ฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินอีก  อย่างไรก็ตาม ฟาโรห์ก็ได้ทรงเปลี่ยนพระทัยและก็ไม่ยอมปล่อยประชากรของพระเจ้าไปอย่างดื้อๆ  จริงดังที่พระเจ้าได้ทรงตรัสผ่านทางโมเสส


ความคิดเห็น